อำเภอเบตงสั่งปิดหมู่บ้านกำปงบารู ม.2 บ้าน กม.32 ต.อัยเยอร์เวง 14 วัน หลังพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 28 ราย เตรียม swab เชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงในพื้นที่อีก 300- 400 คน

        วันนี้(9มิ.ย.64)ที่โรงเรียนบ้านอัยเยอร์เวง หมู่ที่ 1 ต.อัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตง แพทย์หญิงทับทิม ชาติวัฒนธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง ได้ร่วมประชุมกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา ท้องถิ่น และ อสม. เพื่อวางมาตรการควบคุมแก้ปัญหาคลัสเตอร์บ้านกำปงบารู ม.2 บ้าน กม.32 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา อย่างเร่งด่วน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ บ้านกำปงบารู ม.2 บ้าน กม.32 ต.อัยเยอร์เวง จำนวน 1 ราย โดยผู้ป่วยเป็นหญิงอายุ 55 ปี เดินทางมาจาก ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากนั้นมีอาการไข้ ไอ หอบเหนื่อย จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเบตง เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลเบตงจึงได้ทำการตรวจหาเชื้อ ผลปรากฏว่าตรวจพบเชื้อโควิด-19 และได้ให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตงทันที จากนั้น ศปก.อ.เบตง ได้สั่งให้ปิดทางเข้าออกหมู่บ้านกำปงบารู หมู่ 2 บ้าน กม.32 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา 14 วัน ไม่ให้ประชาชนผ่านทั้งเข้าและออกเพื่อป้องกันผู้สัมผัสเสี่ยงเพิ่ม โดยผู้ป่วยได้สัมผัสกับคนในครอบครัว จึงทำให้คนในครอบครัว และเพื่อนบ้านเข้าข่ายเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยง ล่าสุดเจ้าหน้าที่จึงได้ปฏิบัติการในเชิงรุกลงพื้นที่ตรวจหาผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อโควิด -19 ในหมู่บ้านดังกล่าว ทั้ง 17 ครัวเรือน พบติดเชื้อ 12 ครัวเรือน จากการ swab ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 97 ราย ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด-19 28 ราย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจำกัดวงผู้ป่วยได้แล้ว และพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะเร่ง swab จัดทีมในการสืบสวนโรคและเข้าไปคัดกรองเชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยงอีก 300- 400 คน และขอให้ทุกคนละหมาดที่บ้านกับคนในครอบครัว งดปฏิบัติศาสนากิจอื่นๆในมัสยิด เป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มคน จำนวนมาก

        นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง กล่าวว่า หลังจากที่พบคลัสเตอร์ที่บ้านกำปงบารู ม.2 บ้าน กม.32 ต.อัยเยอร์เวง ได้ออกประกาศปิดเพิ่มพื้นที่เสี่ยงในการควบคุมการแพร่ระบาด 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกมาจากต.บาเจาะ อ.บันนังสตา แล้วเกิดการแพร่ระบาดในหมู่บ้านแล้ว จำนวน 28 คน ทั้งนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้า-ออก พื้นที่ดังกล่าว หากผู้ใดมีความจำเป็นในการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ ทราบ โดยเจ้าหน้าที่จะกำหนดเส้นทางในการเดินทาง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตามตามมาตราที่ 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนกรณีหากมีการปิดบังข้อมูล (Timeline) แจ้งข้อความเท็จ ในการสอบสวนโรคจะมีโทษตาม ม.137 ประมวลกฎหมายอาญาจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่ไม่อำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ จะมีโทษฝ่าฝืนตาม ม.34 ม. 45 ม.55 พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยขณะนี้ อำเภอเบตงมีผู้ป่วยสะสม แล้ว 49 ราย

        ด้าน นายสีดี ดือราแม็ง กำนันตำบลอัยเยอร์เวง กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ยังคงมีความเสี่ยง ยังคงต้องคัดกรองเชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงอีกจำนวนมาก ยังคงต้องทำตามคำแนะนำ และมาตรการของจังหวัดต่อไป บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่น ต้องสแกน QR Code เพื่อกรอกข้อมูล ร่วมถึงมาตรการส่วนบุคคล และมาตรการครัวเรือน ที่ต้อง ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นอีกวิธี ในการป้องกัน ควบคุม โรคโควิด -19 ที่กำลังแพร่ระบาด จึงขอความร่วมมือพี่น้องในต.อัยเยอร์เวง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม หรือ รพ.สต. ใกล้บ้าน หรือแจ้งอสม. ที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลบุคคลที่ต้องการฉีดวัคซีน และขอให้ทุกคนยกการ์ดสูง ป้องกันตนเองโดยปฎิบัติตามมาตรการ หลัก D-M-H-T-T เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar