เทศบาลนครยะลา เดินหน้าวัคซีนตัวเลือก หลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาฯประกาศปลดล็อกอำนาจในการจัดหาวัคซีนให้แก่ อปท.เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
        เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19 ) ศบค. เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ใจความสำคัญกำหนดแนวทางบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 จำนวน 6 ข้อ ได้ปลดล็อกอำนาจในการจัดหาวัคซีนให้แก่ รพ.เอกชน ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดหา สั่งซื้อวัคซีนซึ่งขึ้นทะเบียนแล้ว ผ่านองค์การเภสัชกรรม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฯลฯ ได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ 8 มิ.ย.64 เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
        ล่าสุดวันนี้(10มิย.64)ที่สำนักงานเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนว่า เทศบาลนครยะลาได้ส่งหนังสือถึงสถาบันจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยและยืนยันไปว่าได้นำเข้าที่ประชุม ศบค.จังหวัดเพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันในเรื่องของการวางแผนฉีดวัคซีนในเขตเทศบาลนครยะลาและวางแผนในภาพใหญ่ในอำเภอเมืองยะลาในการป้องกันโควิดซึ่งก็จะส่งผลในแง่ของทั้งจังหวัดยะลา ขณะที่สถาบันจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยก็ได้มีหนังสือแจ้งมายังทาง LINE ให้ดำเนินการลงทะเบียนและเข้าระบบเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและลำดับ นั่นหมายความว่าเราได้สิทธิ์ตั้งแต่เราจองในครั้งแรกแล้ว เบื้องต้นวัคซีนจะถึงเมืองไทยประมาณวันที่ 20 มิถุนายนนี้และจะเข้าสู่ระบบการตรวจสอบจาก อย.ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดได้วันที่ 25 มิถุนายนนี้ ซึ่งดูจากประกาศราชกิจจานุเบกษาที่ประกาศออกมาต้องขอบคุณทางรัฐบาลที่ได้อนุญาตให้ท้องถิ่นได้จัดซื้อวัคซีน
        “ในส่วนจำนวนที่ได้รับจัดสรรมามีจำนวน 25,000 โดสเท่ากับ 2,250 คน ซึ่งจะต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมกันกับทางโรงพยาบาลศูนย์ยะลากับทางสาธารณสุขจังหวัดว่ายังมีประชาชนกลุ่มเสี่ยงใดบ้าง เช่น คนในตลาดสด พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดก็อาจให้สิทธิ์ก่อนและในส่วนของครูบุคลากรทางการศึกษาหรือบ้านพักคนชรา เป็นต้น ทั้งนี้จากการสำรวจประชากรในเขตเทศบาลนครตามบัญชีครัวเรือนมีประมาณ 60,000 คน รวมประชากรแฝงอีกประมาณ 80,000 คน แต่คงให้ความสำคัญกับประชากรที่มีภูมิลำเนาเดิมเป็นหลักในเบื้องต้นก่อน ส่วนในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบให้เป็นที่เดียวกันทั้งหมด โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการหารือ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นตามลำดับก็อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนของวัคซีน อีกประการหนึ่งคือวัคซีนหลักของรัฐบาลก็จะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้น”

image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar